top of page

“พูดขอโทษในเวลาที่ไม่จำเป็น”

—นิสัยละเลยตัวเอง ที่เราควรหยุดทำ



กำลังละเลยตัวเอง อยู่หรือเปล่า?

เราเผลอพูดขอโทษจนเกินความจำเป็น หรือพูดบ่อยมากเกินไปไหม? จริงๆ แล้วพฤติกรรมแบบนี้กำลังบอกเราว่า...



พูด ‘ขอโทษ’ ในเวลาที่ไม่จำเป็น


Gordana Biernat ชี้ว่า พฤติกรรมที่ดูเหมือนอ่อนโยนนี้ แท้จริงแล้วคือ “นิสัยละเลยตัวเอง” ที่อันตราย เพราะมันคือการ “ยินยอมกักขังความรู้สึกผิด” ไว้กับตัวเอง และลดทอนคุณค่าในตัวเองลงอย่างเงียบๆ


🚨 เช่น ขอโทษคนที่ทำไม่ดีกับเรา สำหรับบางคนที่เคยชินกับการขอโทษ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
🚨 การขอโทษที่ไม่จำเป็นอาจเป็นวิธีหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในระยะสั้น โดยการทำให้ความโกรธของคนอื่นสงบลง

แต่ในระยะยาว มันจะสร้างความรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเรากำลัง “แบกรับความรู้สึกผิด” ที่ไม่ควรจะเป็นของเราไว้เพียงลำพัง

— Gordana Biernat, M.A.




หยุดนิสัยซึมซับความรู้สึกผิด


แนวทางการแก้ไขเบื้องต้น

🛑 มีสติรู้ตัวเอง และหยุดนิสัยความเคยชินที่จะซึมซับความรู้สึกผิด ที่ไม่ควรจะเป็นของเราตั้งแต่แรก
✅ เปลี่ยนมาฝึกฝนตั้งขอบเขตที่ชัดเจน และกล้าที่จะสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจตรงกันว่า สิ่งไหนที่เรายอมรับได้ และอะไรที่เราไม่ต้องการ
✅ หรือในบางกรณีเราอาจใช้คำอื่นแทน เช่น เปลี่ยนจาก ขอโทษ เป็น ขอบคุณ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า ขอโทษที่ทำให้ต้องรอ  ให้เปลี่ยนเป็น ขอบคุณที่รอฉันนะ



เมื่ออยากสื่อสารถึงขอบเขตของเรา

—สิ่งที่ควรทำคือ


1. ใช้ภาษาที่ชัดเจนและให้เกียรติ
✅ ควรใช้ภาษาที่ชัดเจน ตรงไปตรงมาและให้เกียรติอีกฝ่ายด้วย
หลีกเลี่ยงการแสดงท่าทีที่เฉื่อยชา ดูไม่ใส่ใจ (Passive) หรือก้าวร้าว (Aggressive)

เพื่อป้องกันไม่ให้การสื่อสารของเราดูอ่อนแอ ไม่จริงจัง  หรือทำให้เกิดความขัดแย้งที่บานปลาย




2. ระบุ ‘พฤติกรรม’ และ ‘ผลลัพธ์’
✅ ควรระบุให้ชัดเจนว่า ‘พฤติกรรม’ ใดที่เราไม่สามารถยอมรับได้
✅ และจะมีผลลัพธ์ที่ตามมา (Consequences) อย่างไร? หากขอบเขตนี้ถูกล้ำเส้น

ตัวอย่างเช่น

“ฉันไม่โอเคกับการถูกตะคอกใส่” 
“...และฉันจะจบบทสนทนานี้ทันที ถ้าคุณยังทำแบบนั้น  “...และฉันจะเดินออกจากห้องนี้ ถ้าคุณยังทำแบบนั้น  “...และฉันจะวางสายโทรศัพท์ ถ้าคุณยังทำแบบนั้น  “...และฉันจะขอเวลาพัก ถ้าคุณยังทำแบบนั้น แล้วเราค่อยกลับมาคุยกันใหม่ ตอนที่อารมณ์ของเราทั้งคู่สงบลงแล้ว 



3. ใช้เทคนิค I-Statements


เพื่อสื่อสารความรู้สึกและความต้องการของเรา โดยไม่ไปโจมตีตัวตนของอีกฝ่าย ให้เกิดความขัดแย้งที่บานปลายไปกว่าเดิม เช่น

ฉันรู้สึก... เมื่อคุณทำ... และฉันต้องการ... 

— Ratson, What to do when people repeatedly violate your boundaries (2024)


อยากรู้จัก I-Statements มากขึ้น อ่านได้ที่บทความ “วิธีแก้ไขการสื่อสารเป็นพิษ เปลี่ยนคำช่างติ ด้วยการไม่พูดกล่าวโทษที่ตัวตน” ของ Mission On




ยืนหยัดและรับผิดชอบตัวเอง


สิ่งสำคัญที่สุดคือการซื่อสัตย์ ยืนหยัด และรับผิดชอบต่อความรู้สึกของตัวเอง


  • ไม่ยื่นมือไปรับผิดชอบ ความรู้สึกผิด ของคนที่ทำผิด

✅ ปล่อยให้ผู้กระทำเป็นฝ่ายเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบพฤติกรรมของตัวเอง ✅ และเราเองก็เรียนรู้ที่จะจัดการ กำกับควบคุม หรือรับมือกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง


  • เรียนรู้ที่จะก้าวต่อไป

หากอีกฝ่ายเลือกที่จะไม่รับผิดชอบหรือไม่กล่าวขอโทษ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเขาไม่สามารถให้เกียรติเราในแบบที่เราสมควรได้รับ ฝึกฝนยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและก้าวต่อไป



หยุดนิสัยละเลยตัวเอง คือก้าวแรกสู่การเห็นคุณค่าตัวเองอย่างแข็งแกร่ง และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพจิตใจ

พร้อมที่จะให้ความสำคัญกับตัวเอง และหยุดละเลยตัวเองแล้วหรือยัง?

อยากปรึกษานักจิตวิทยาหรือนักจิตบำบัดของเรา คลิกที่ลิงก์ด้านล่างบทความนี้


บทความนี้แปลและดัดแปลงเนื้อหาบางส่วนมาจาก

  • เว็บไซต์ Psychology Today

    บทความเรื่อง Stop Abandoning Yourself: 10 Habits to End Now (2025)เขียนโดย Gordana Biernat, M.A.

  • เว็บไซต์ Psychology Today

    บทความเรื่อง How Compromise Helps Your Relationship, According to a Therapist (2023)เขียนโดย Moshe Ratson MBA, MFT (นักจิตบำบัดด้านคู่สมรสและครอบครัว)


อ้างอิง:

[1] Biernat, G. (2025, July 9). Stop abandoning yourself: 10 habits to end now. Psychology Today. https://www.psychologytoday.com/us/blog/the-essence-of-consciousness/202507/stop-abandoning-yourself-10-habits-to-break-now 


[2] Gupta, S. (2023, July 18). How compromise helps your relationship, according to a therapist. Verywell Mind. https://www.verywellmind.com/compromise-in-relationships-7559559 





รู้จักกับนักจิตวิทยาการปรึกษาและนักจิตบำบัด



นัดพบนักจิตวิทยาการปรึกษาและนักจิตบำบัด

 
bottom of page