“วิธีแก้ไข” การสื่อสารเป็นพิษ
— เปลี่ย นจากการปิดกั้น หันหน้าหนี เป็นขอเวลาพัก และรักษาสมดุลใจ
หลายๆ คนคงเคยเจอสถานการณ์ขัดแย้งที่เรารู้สึกอยาก “หนี” ออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
หรือเลือกที่จะ “นิ่งเงียบ” หรือ “หันหน้าหนี และทำเป็นไม่ได้ยิน” ไปเลยเมื่อเกิดการทะเลาะ
มารู้จักกับอัศวินตัวที่ 4 ของสี่รูปแบบการสื่อสารที่เป็นพิษ (The Four Horsemen) คือการสื่อสารแบบ ‘ปิดกั้นทางอารมณ์’ (Stonewalling)
ที่นักวิจัยความสัมพันธ์จาก The Gottman Institute พบว่ามันสามารถบั่นทอนความสัมพันธ์ จนนำไปสู่จุดจบ อย่างการหย่าร้างหรือเลิกราได้
🚨 การสื่อสารเป็นพิษแบบปิดกั้นทางอารมณ์: “ไม่โต้ตอบแต่ก็ไม่รับฟัง หยุดตอบสนองกับอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง” เช่น หันหน้าหนี ทำเป็นไม่ได้ยิน ทำตัวยุ่ง ฯลฯ หรือเลือกที่จะทำพฤติกรรม ที่ทำให้ไขว้เขวจากเรื่องตรงหน้า
💡 ในบทความนี้ Mission On อยากชวนทุกคนมาดูว่า เราจะมีวีธีปรับปรุงให้มันดีขึ้น อย่างไรได้บ้าง?
อ่านเรื่อง ‘อัศวินตัวที่ 4’ หรือการปิดกั้นทางอารมณ์ ได้จากโพสต์ “4 รูปแบบการสื่อสารที่เป็นพิษ” ของ Mission On
จัดการกับอัศวินตัวที่ 4
‘การป ิดกั้นทางอารมณ์’ เป็นการตอบสนองแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ เมื่อเราอยู่ในบทสนทนาที่มีความขัดแย้ง เป็นการที่ใครคนหนึ่งถอนตัวจากบทสนทนา เลือกที่จะไม่ตอบสนองต่อคู่รักหรืออีกฝ่ายในความความสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิง และมันไม่ใช่แค่อาการเบื่อหน่าย
“เหมือนตั้งกำแพงกั้นไว้ตรงหน้า” สิ่งนี้มักเกิดขึ้นเมื่อใครคนหนึ่งรู้สึกท่วมท้น (Flooded) หรือมีความรู้สึกลบๆ ที่เข้มข้น รุมเร้า มา กจนเกินรับไหว ร่างกายจึงแสดงปฏิกิริยาด้วยการปิดตัว ไม่รับรู้ หยุดพูด และปลีกตัวออกไป แต่ปัญหาคือ...
เบื้องหลังกำแพงที่ปิดกั้น
เบื้องหลังความเย็นชา เงียบงัน ไม่รับรู้ที่แสดงออกมา คือร่างกายที่ตกอยู่ภายใต้สภาวะที่มีความกดดันทางอารมณ์สูง จนเข้าสู่โหมด ‘ป้องกันตัวเอง’ 🚨 (Defense Mechanism)
ซึ่งส่งผลต่อร่างกายแบบนี้...
✔️ อัตราการเต้นหัวใจสูง ฮอร์โมนความเครียดถูกหลั่งเข้าสู่กระแสเลือด 🎭 ✔️ และกระตุ้นการตอบสนองแบบ “สู้หรือหนี” และหากต่อสู้หรือหนีไม่ได้ ร่างกายจะเข้าสู่สภาวะ “ค้างแข็ง”
อ่านเรื่อง ‘การตอบสนองแบบสู้ - หนี - ค้างแข็ง’ (Fight - Flight - Freeze) ได้จากโพสต์ “วันที่บานหน้าต่างแคบลง จนใจทนไม่ไหวเกิดอะไรขึ้นกับเราได้บ้าง?” ของ Mission On
‘ยาแก้พิษ’ สำหรับอัศวินตัวที่ 4
ดังนั้นยาแก้พิษสำหรับการสื่อสารแบบนี้ คือ “ฝึกปลอบประโลมร่างกายและจิตใจด้วยตัวเอง” (Physiological Self-Soothing)
แต่ก่อนหน้าที่จะทำแบบนั้น เราควรเริ่มขั้นตอนแรกด้วยการ “หยุดบทสนทนาความขัดแย้ง และ ขอเวลาพัก”
ดูตัวอย่างด้านล่างนี้…
❌ หยุดบทสนทนาเป็นพิษแบบนี้:
“ดูสิ เราคุยเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าฉันเบื่อที่จะต้องเตือนคุณ...”
✅ ใช้คำพูดถอนพิษ (Antidote):
“ที่รักขอโทษที่ขัดจังหวะนะ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกแย่มากๆ ขอเวลาพักสัก 20 นาที แล้วเราค่อยกลับมาคุยกันได้ไหม?”
จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายเทคนิคที่เราสามารถใช้ปลอบประโลมตัวเอง ในเวลาที่ความรู้สึกท่วมท้นได้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ “4 วิธีง่ายๆ ขยายหน้าต่างความทนทาน” และ “เทคนิคดึงใจกลับเข้าสู่หน้าต่างความทนทานเมื่อชา ไร้เรี่ยวแรง หรือ เมื่ออารมณ์พุ่งพล่าน”
กฏทองของการขอเวลาพัก
ข้อที่ 1: ระยะเวลาต้องนานพอ
✔️ ควรใช้เวลาพักอย่างน้อย 20 นาที
เนื่องจากในทางสรีรวิทยา ร่างกายจะใช้เวลานานประมาณนี้เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างสงบลง (ระบบต่างๆ ภายในร่างกาย หรือ Physiological Response ทำงานสัมพันธ์กับอารมณ์ของเรา)
ข้อที่ 2: หลีกเลี่ยงความคิดลบแบบปกป้องตัวเอง
❌ หลีกเลี่ยงความคิดลบ: ความขุ่นเคืองที่มองว่าเราเป็นฝ่ายถูก
“ฉันไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไป”
❌ หลีกเลี่ยงความคิดลบ: การรู้สึกเป็นเหยื่อ
“ทำไมเขาเอาแต่ตำหนิฉัน?”
(Righteous Indignation & Innocent Victimhood)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ “วิธีแก้ไขการสื่อสารเป็นพิษ [3] — เปลี่ยนจากปกป้องตัวเอง (แบบไม่เป็นมิตร) เป็นยอมรับและรับผิดชอบ”
ข้อที่ 3: ปลอบประโลมร่างกายและจิตใจ
ในเวลาพักนี้สิ่งที่เราควรทำคือ ผ่อนคลายและเบี่ยงเบนความสนใจจากอารมณ์ลบๆ
ทำสิ่งที่มันช่วยให้จิตใจและอารมณ์ของเราสงบลงได้
เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือออกกำลังกาย ฯลฯ 🎵
สิ่งสำคัญคืองานวิจัยพบว่า ในระหว่างบทสนาความขัดแย้งหากคู่รักได้มีโอกาส ‘หยุดพัก’ เป็นเวลา 30 นาที
เมื่อกลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง พบว่าอัตราการเต้นหัวใจลดลงอย่างมีนัยสำคัญที่บ่งบอกว่า “ทั้งคู่รู้สึกสงบลง”
(ในงานวิจัยของ The Gottman Institute ให้คู่รักหยุดพักด้วยการอ่านนิตยสาร 📖)
สงบลงแล้วจึงปรับความเข้าใจ
💡 งานวิจัยยังพบว่า
เมื่อร่างกายและจิตใจสงบลงการมีปฏิสัมพันธ์ของคนทั้งคู่หลังจากนั้น เป็นไปใน “ทิศทางบวกและสร้างสรรค์” มากขึ้น ✔️ เพราะเมื่อรู้สึกสงบ เราจึงสามารถหันหน้าพูดคุยกันได้อย่างเคารพและมีเหตุผล
🚨 หากไม่ขอเวลาพัก
สิ่งที่เราอาจต้องเจอคือ บทสนทนาที่ขัดแย้งจบลงด้วยการเงียบงันและเก็บกดอารมณ์ (สภาวะค้างแข็ง) หรือระเบิดอารมณ์ใส่กัน (สภาวะสู้) ซึ่งล้วนไม่ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ของเราอย่างแน่นอน
ค้นพบความสงบและทักษะการสื่อสารใหม่
การติดอยู่ในวงจรการสื่อสารแบบ ‘ปิดกั้นทางอารมณ์’ มักเกิดจากการขาดทักษะในการจัดการกับอารมณ์ที่ท่วมท้น (Poor Emotional Regulation)
และการไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะขอเวลาพักอย่างมีขอบเขต
ในฐานะนักจิตวิทยาการปรึกษา เราสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ช่วยคุณ:
✔️ ขยาย ‘หน้าต่างความทนทาน' (Window of Tolerance) เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับความเครียดและอารมณ์ลบๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✔️ ค้นหาและเข้าใจสัญญาณเตือน ก่อนที่เราจะเข้าสู่สภาวะที่ความรู้สึกและอารมณ์ลบๆ ท่วมท้น ✔️ ฝึกฝนใช้เทคนิค Self-Soothing ที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองได้ เมื่อต้องเผชิญหน้าและรับมือกับปัญหาความขัดแย้งในความสัมพันธ์







































